IF (Intermittent Fasting) กับเบาหวาน

สรุป IF กับเบาหวาน (วิธีรักษาที่สาเหตุ โดยที่คุณไม่ต้องเสียเงินสักบาทเดียว)

สำหรับโรคเบาหวาน หรือมีความเสี่ยง รวมถึงน้ำหนักเกินเกณฑ์ คุณจะเสียโอกาสมาก หากยังไม่รู้จักกลยุทธ์เรื่องนี้

คนไข้ในความดูแลของหมอปอเมื่อรู้เรื่องนี้ นำไปปฏิบัติตาม ได้ผลลัพธ์ เบาหวานดีขึ้นน้ำตาลสะสมเป็นปกติ จนหลายคน ไม่ต้องทานยาแล้ว หมอปอได้เขียนเรื่อง IF อย่างละเอียด และแนวทางปฏิบัติสำหรับคนไข้เบาหวานเอาไว้ในหนังสือปลดล็อกเบาหวานด้วยอาหารในชีวิตประจำวันด้วย

สำหรับสมาชิกท่านใหม่ และเก่า ที่ยังไม่รู้จัก หรือยังมีความสงสัยอยู่ ในวันนี้หมอปอ จะมาสรุปให้ฟัง เพื่อให้คุณเกิดความเข้าใจมากขึ้นและสามารถนำไปปฏิบัติได้ดียิ่งขึ้น เห็นผลไวขึ้น

“สรุป IFกับเบาหวานฉบับประชาชน”

1. ร่างกายจะมีชีวิตอยู่ได้ ต้องใช้พลังงาน

2. พลังงานที่ร่างกายสามารถนำมาใช้ได้ ได้มาจาก 2 แหล่ง

(A) พลังงานจากสารอาหารที่กิน (คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน)

(B) พลังงานสำรอง (ไขมันในพุง ใต้ผิวหนัง แป้งไกลโคเจนที่เก็บในตับและกล้ามเนื้อ)

3. เมื่อใดก็ตามที่คุณกิน  ฮอร์โมน“อินซูลิน” จะถูกสั่งให้ออกมา

(A) จะถูกนำไปใช้ ต้องอาศัย “อินซูลิน” พาเข้าเซลล์ร่างกาย แต่ถ้ากินอาหารมากเกินความต้องการ จะเก็บสะสมไปเป็น (B)

โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในผู้ใหญ่ที่คนไทยเป็นกัน 95% เกิดจากการสะสมพลังงาน (B) มากจนล้น ไม่มีพื้นที่จะเก็บ

4. (B) จะถูกสลายมาใช้เป็นพลังงานได้ ยามไม่มีอาหารจาก (A)  ณ ตอนนี้ “โกรทฮอร์โมน” จะมีบทบาทหลัก  สั่งให้เผาผลาญ (B) ออกมาใช้

5. ทั้งภาวะน้ำหนักเกิน ไขมันส่วนเกิน และ เบาหวานชนิดที่ 2 เกิดขึ้นเพราะอินซูลินมากเกินไป จากการทานอาหารมากเกินความต้องการ โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรต ทำให้มี (B) สะสมอยู่มาก เป็นเบาหวานก็เพราะ (B) สะสมไม่ไหวแล้ว ไม่มีที่จะเก็บ เรียกว่า ร่างกายเกิด “ดื้ออินซูลิน”  ทำให้น้ำตาลค้างอยู่ในเลือด ไม่สามารถนำไปสะสมได้อีก

6. IF คือการจัดการกับ “เวลา” ในการกิน เพื่อให้ร่างกายดึงพลังงานสำรอง(B) ออกมาใช้ได้มากขึ้น

7. IF เป็นทางด่วน ในการลดเบาหวาน และไขมัน แต่ยังมีทางหลักสำคัญที่ต้องทำด้วย นั่นคือการฟื้นฟูระบบเผาผลาญ (เพิ่มกล้ามเนื้อ) เพราะเมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อหาย  การเผาผลาญก็ลดลง

8. IF (Intermittent Fasting) 

Intermittent แปลว่า เป็นช่วงๆ ไม่ต่อเนื่อง

Fasting ไม่ได้แปลว่าความเร็ว  แต่แปลว่า “การไม่กินอาหาร”

IF รวมแล้ว แปลว่า การไม่กินเป็นช่วงๆ 

9. ถ้าอยากให้ร่างกายเอาพลังงานสำรอง (B) มาใช้มากขึ้น ต้องจัดการเวลาอาหาน ให้มีจำนวนชั่วโมงที่ “ไม่กินอาหารยาวนานกว่ากิน”

10. ประโยชน์ของ IF ต่อเบาหวาน คือ เมื่อไรก็ตามที่คุณไม่กิน  อินซูลินก็ไม่ถูกกระตุ้นให้หลั่งออกมา เมื่ออินซูลินน้อยลง เซลล์ร่างกายไม่ถูกอินซูลินกระตุ้น พลังงานที่ถูกสะสมสำรองจนล้นเต็มที่ ถูกสลายนำมาใช้มากขึ้น เซลล์จึงดื้ออินซูลินลดลง เริ่มกลับมาทำงานได้ปกติ น้ำตาลที่ค้างในเลือดจึงถูกนำมาใช้ได้มากขึ้น เบาหวานจึงลด

11. “โกรทฮอร์โมน” ที่ทำงานตรงข้ามกับอินซูลิน จะออกมาสั่งให้สลายไขมัน ยามที่คุณไม่กินอาหาร

12. เมื่อไม่มีอาหาร แต่ร่างกายต้องการพลังงานอยู่ จึงต้องนำพลังงานสำรอง (B) มาใช้ ทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง ไขมันส่วนเกินในพุงค่อยๆหายไป

13. IF ที่ดีที่สุด คือ IF ที่เข้ากับชีวิตประจำวัน เพราะจะทำได้เรื่อยๆ ไม่ฝืน เริ่มต้นจัดการเวลามื้ออาหาร ให้มีจำนวนชั่วโมงที่ไม่กิน “มากกว่า” จำนวนชั่วโมงที่กิน ยิ่งจำนวนชั่วโมงไม่กินมาก คุณยิ่งได้กำไรมาก  ก็จะลดไวขึ้น แต่ทำแล้วต้องไม่รู้สึกทรมาน เพื่อความยั่งยืน โดยสารอาหารที่ทาน ต้องครบถ้วนด้วย

14. ไม่ว่าจะ IF เท่าไหร่ ใน 1 วัน (เลขตัวแรกคือจำนวนชั่วโมงที่ไม่กิน เลขตัวหลังคือจำนวนชั่วโมงที่กิน)

15/9, 14/10, 16/8 18/6, 20/4, 23/1, 24 ก็ได้ประโยชน์ และกำไรทั้งนั้น ทำมากก็ได้มาก แต่ทำแล้ว ต้องมีความสุข ถึงจะทำได้ “ยั่งยืน” สามารถปรับได้ตามผลเลือด และผลลัพธ์ของร่างกาย

15. ยกตัวอย่าง เช่น จะทำ IF 18/6

แปลว่า คุณจะจัดเวลาการกินให้อยู่ใน 6 ชั่วโมงเท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่น มื้อแรกอาจเริ่มที่ 8.00 น. มื้อ 2 ตอน 12.00 น. มื้อ3 15.00 น.

หรือ ถ้าคุณอยากจะกินแค่ 2 มื้อ  เช่น มื้อแรก 10.00 น. มื้อสุดท้าย 16.00 น. แบบนี้ก็ได้ จัดการเวลาของตัวคุณเองได้เลย ให้เข้ากับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ขอให้มีกำไร และปรับตามผลลัพธ์ที่ได้

16. เลือกทำ IF ตามชีวิตประจำวัน ไม่ต้องเหมือนกันทุกวันก็ได้

เพราะ IF “ยืดหยุ่น” ได้ นี่คือที่มาของ Freestyle Fasting

17.ในเวลาช่วงที่คุณกิน ไม่ใช่ว่ากินอะไรก็ได้  แต่ให้กินเป็นมื้อเหมือนเดิม ไม่กินจุบจิบ หลีกเลี่ยงอาหารระหว่างมื้อ

ลดแป้ง งดน้ำตาล เหมือนเดิม

18. ที่สำคัญ ในมื้อที่กิน สารอาหารต้องครบถ้วน “ห้ามอดอาหาร” ห้ามกินน้อย เพราะร่างกายจะลดการเผาผลาญลงแทน 

ให้กินให้อิ่ม แต่ไม่อิ่มด้วยแป้ง ให้อิ่มด้วยโปรตีน

19. คนที่น้ำหนักน้อยมากๆ แต่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มักเกิดจากกล้ามเนื้อน้อยลงจากอายุที่มากขึ้น การเผาผลาญจึงน้อยลง

ไม่แนะนำให้ทำ IF นาน ให้กลับไปเน้นทางสายหลัก คือ ฟื้นฟูระบบเผาผลาญ เพิ่มกล้ามเนื้อ ด้วยการกินโปรตีนและเวทเทรนนิ่งเพิ่มเติม

20. ใครยัง งงๆ ขอให้อ่านซ้ำอีกสัก 2 รอบ

หากชอบฟังทางวีดีโอ สามารถศึกษาเพิ่มเติมที่ คลิกที่นี่

21. เข้าใจแล้ว “ทำทันที” นะคะ

#หมอปอ

#หมอปอSugarFreedom

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *